“ชื่อที่ชาวจีนเรียกพระราหูขาว, จิตพระราหูมีมากมาย”
ผมเจอพระราหูขาว ซึ่งเป็นหนึ่งในพระเจ้า(เทพเจ้า)มาหลายหนแล้ว ท่านสัญญากับผมว่า จะเปิดเผยเรื่องราวของเทพเจ้าในทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นเทพต่างๆในศาสนาฮินดู
อิสลาม ศาสนากรีก โรมัน ฯลฯ นอกจากนี้
ท่านจะชี้ให้ผมรู้ด้วยว่า ตำนาน หรือเทพนิยายต่างๆในทุกศาสนา ไม่ได้แต่งขึ้นมาเล่นๆ แต่พวกมันล้วนมีข้อเท็จจริงอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เทพเจ้าในตำนานเหล่านั้น เช่น เทพเจ้าในศาสนาฮินดูเป็น
เทพเจ้ายุคต้นกัปก่อนที่ปฏิจจสมุปบาทและสังสารวัฏจะเริ่มขึ้น
ผมไม่มีอ้อมค้อมอยู่แล้ว เริ่มต้นผมก็ยิงคำถามเข้าเป้าไปก่อนเลยว่า ต้นเดือน ก.ย.ท่านบอกว่า ท่านเป็น ราหูขาว เป็นองค์เดียวกับ ราหูดำ ที่ชื่อ “อสุรินทราหู” และท่านยังบอกด้วยว่า ชาติสุดท้ายท่านเกิดเป็นคนจีน (แสดงว่า ราหูขาวท่านไม่ใช่เทพเจ้ายุคต้นกัปเหมือนกับราหูดำในศาสนาพราหมณ์ แต่เป็นเทเจ้าหลังจากปฏิจจสมุปบาททำงานแล้ว ) และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์โพธิสัตว์ ประจำอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ในขณะที่เทพเจ้ายุคต้นกัปจะประจำอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ผมไม่มีอ้อมค้อมอยู่แล้ว เริ่มต้นผมก็ยิงคำถามเข้าเป้าไปก่อนเลยว่า ต้นเดือน ก.ย.ท่านบอกว่า ท่านเป็น ราหูขาว เป็นองค์เดียวกับ ราหูดำ ที่ชื่อ “อสุรินทราหู” และท่านยังบอกด้วยว่า ชาติสุดท้ายท่านเกิดเป็นคนจีน (แสดงว่า ราหูขาวท่านไม่ใช่เทพเจ้ายุคต้นกัปเหมือนกับราหูดำในศาสนาพราหมณ์ แต่เป็นเทเจ้าหลังจากปฏิจจสมุปบาททำงานแล้ว ) และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์โพธิสัตว์ ประจำอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ในขณะที่เทพเจ้ายุคต้นกัปจะประจำอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พลศักดิ์
ขอถามท่านว่า ชาวจีนเรียกท่านว่าอะไร
ไฉซิ้งเอี้ย ชาวจีนเรียกเราว่า “ไฉซิ้งเอี้ย”
พลศักดิ์ แล้วราหูดำของศาสนาพราหมณ์ยังอยู่ไหมครับ เพราะท่านก็บอกเหมือนกันว่า ท่านที่เป็นอสุรินทราหู ลงมาเกิดอีกหลายชาติ กว่าจะบรรลุธรรมเป็นอรหันต์โพธิสัตว์
ไฉซิ้งเอี้ย พลศักดิ์ เราจะบอกเธอนะ เราเป็นพลังแห่งโชคลาภของสรรพชีวิต จิตเราจึงมีมากมาย เราไม่อยากนับจำนวน คราใดที่เรามีมิจฉาทิฎฐิ มีความโกรธ มีความอหังการ ฯลฯ เป็นที่ตั้ง พลังงานตัวนี้ของเราก็เกิดเป็นราหูดำ คราใดที่มิจฉาทิฎฐิเราลดลง เราก็เกิดเป็นพระราหูเหมือนกัน เธออาจจะเรียกว่า ราหูน้ำตาล ราหูเหลือง หรืออะไรก็ได้ แต่เราเรียกว่า ราหูดำทั้งหมด เราราหูดำ... เมื่อหมดกิเลส หมดมิจฉาทิฎฐิ เราเลยเกิดเป็น..ราหูขาว อย่างไรก็ตาม ราหูดำ (อสุรินทราหู) ก็ยังอยู่
พลศักดิ์ เมื่อท่านมีจิตเยอะแยะ อย่างนั้นราหูก็มีอยู่เต็มไปหมดน่ะซิ เพราะพลังแห่งโชคลาภแบบนี้มีอยู่ในทุกศาสนา
ไฉซิ้งเอี้ย ถูกต้อง แม้แต่ศาสนาของมนุษย์ต่างดาวก็มีเราอยู่ ใครมีอารยะธรรมแบบใด เราก็อยู่แบบอารยะธรรมของเขา
พลศักดิ์ ไหนๆท่านก็พูดถึงศาสนาของมนุษย์ต่างดาวแล้ว ผมจึงขอถามท่านว่า นอกจากศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูแล้ว ในศาสนาอื่นๆก็มีบรรดาเทพเจ้าประจำดวงดาวด้วยเหมือนกัน เช่น มีเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ และมีเทพเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์ด้วย แต่ละท่านก็ไม่ซ้ำกับเทพเจ้าในศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ว่าจะมีผู้ปกครองที่เป็นอมตะ และทำหน้าที่อย่างเดียวกันหลายท่าน และทุกองค์ต่างก็เป็นดวงอาทิตย์ และเทพแห่งดาวนพเคราะห์ เพราะดวงอาทิตย์มีดวงเดียว มันก็ต้องมีองค์เดียวที่เป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์เท่านั้น
พระจันทร์ก็มีดวงเดียว นอกจากนี้ดาวพุธ ดาวศุกร์ ฯลฯ ทุกดวงต่างก็มีเพียงดวงเดียวทั้งนั้น
ไฉซิ้งเอี้ย แล้วเธอคิดว่าอย่างไรล่ะ
พลศักดิ์ ผมคิดว่า บรรดาเทพเจ้าในศาสนาต่างๆเหล่านั้น คงจะอยู่ในโลกมนุษย์มิติอื่นในจักรวาลคู่ขนาน ซึ่งก็มี ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ฯลฯ เหมือนกัน เพียงแต่อยู่กันคนละมิติกับมิติของโลกมนุษย์ใบนี้ แล้วพวกท่านต่างก็นำเรื่องราวของพวกท่านมาถ่ายทอดให้มนุษย์ในโลกมิตินี้รับรู้ ในรูปของความเชื่อในศาสนาที่แตกต่างกัน
ไฉซิ้งเอี้ย ชาวจีนเรียกเราว่า “ไฉซิ้งเอี้ย”
พลศักดิ์ แล้วราหูดำของศาสนาพราหมณ์ยังอยู่ไหมครับ เพราะท่านก็บอกเหมือนกันว่า ท่านที่เป็นอสุรินทราหู ลงมาเกิดอีกหลายชาติ กว่าจะบรรลุธรรมเป็นอรหันต์โพธิสัตว์
ไฉซิ้งเอี้ย พลศักดิ์ เราจะบอกเธอนะ เราเป็นพลังแห่งโชคลาภของสรรพชีวิต จิตเราจึงมีมากมาย เราไม่อยากนับจำนวน คราใดที่เรามีมิจฉาทิฎฐิ มีความโกรธ มีความอหังการ ฯลฯ เป็นที่ตั้ง พลังงานตัวนี้ของเราก็เกิดเป็นราหูดำ คราใดที่มิจฉาทิฎฐิเราลดลง เราก็เกิดเป็นพระราหูเหมือนกัน เธออาจจะเรียกว่า ราหูน้ำตาล ราหูเหลือง หรืออะไรก็ได้ แต่เราเรียกว่า ราหูดำทั้งหมด เราราหูดำ... เมื่อหมดกิเลส หมดมิจฉาทิฎฐิ เราเลยเกิดเป็น..ราหูขาว อย่างไรก็ตาม ราหูดำ (อสุรินทราหู) ก็ยังอยู่
พลศักดิ์ เมื่อท่านมีจิตเยอะแยะ อย่างนั้นราหูก็มีอยู่เต็มไปหมดน่ะซิ เพราะพลังแห่งโชคลาภแบบนี้มีอยู่ในทุกศาสนา
ไฉซิ้งเอี้ย ถูกต้อง แม้แต่ศาสนาของมนุษย์ต่างดาวก็มีเราอยู่ ใครมีอารยะธรรมแบบใด เราก็อยู่แบบอารยะธรรมของเขา
พลศักดิ์ ไหนๆท่านก็พูดถึงศาสนาของมนุษย์ต่างดาวแล้ว ผมจึงขอถามท่านว่า นอกจากศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูแล้ว ในศาสนาอื่นๆก็มีบรรดาเทพเจ้าประจำดวงดาวด้วยเหมือนกัน เช่น มีเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ และมีเทพเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์ด้วย แต่ละท่านก็ไม่ซ้ำกับเทพเจ้าในศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ว่าจะมีผู้ปกครองที่เป็นอมตะ และทำหน้าที่อย่างเดียวกันหลายท่าน และทุกองค์ต่างก็เป็นดวงอาทิตย์ และเทพแห่งดาวนพเคราะห์ เพราะดวงอาทิตย์มีดวงเดียว มันก็ต้องมีองค์เดียวที่เป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์เท่านั้น
พระจันทร์ก็มีดวงเดียว นอกจากนี้ดาวพุธ ดาวศุกร์ ฯลฯ ทุกดวงต่างก็มีเพียงดวงเดียวทั้งนั้น
ไฉซิ้งเอี้ย แล้วเธอคิดว่าอย่างไรล่ะ
พลศักดิ์ ผมคิดว่า บรรดาเทพเจ้าในศาสนาต่างๆเหล่านั้น คงจะอยู่ในโลกมนุษย์มิติอื่นในจักรวาลคู่ขนาน ซึ่งก็มี ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ฯลฯ เหมือนกัน เพียงแต่อยู่กันคนละมิติกับมิติของโลกมนุษย์ใบนี้ แล้วพวกท่านต่างก็นำเรื่องราวของพวกท่านมาถ่ายทอดให้มนุษย์ในโลกมิตินี้รับรู้ ในรูปของความเชื่อในศาสนาที่แตกต่างกัน
ท่านเองเคยยืนยันว่า เทพเจ้าเหล่านั้นทั้งหมดมีอยู่จริง เป็นเทพเจ้ายุคต้นกัป แล้วมันจะเป็นจริงไปไม่ได้เลย ถ้าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวนพเคราะห์ อยู่ในมิติเดียวกับโลกและดวงอาทิตย์ในมิตินี้ ความจริงจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวนพเคราะห์ เหล่านั้น ต้องอยู่คนละมิติกับมิติของเรา เพราะในจักวาลคู่ขนาน มันมี 12 มิติ และกำลังสร้างมิติที่ 13 อยู่ ท่านว่า ผมเข้าใจแบบนี้ถูกต้องไหม?
ไฉซิ้งเอี้ย ถูกต้อง เธอเข้าใจเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง แสดงว่าเธอบรรลุธรรมไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น