A A

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พลศักดิ์ บันทึกตอนท้าย

“สนทนากับพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ ”

( *บันทึกนี้คงจะเป็นเรื่องแรกๆที่คุณพลศักดิ์ติดต่อกับเหล่าเทพเจ้าได้ ไม่ปรากฏว่าเมื่อไหร่ แต่ที่ผมเอามาลงไว้ในตอนท้ายเพื่อให้เห็นมูลเหตุจูงใจในการบันทึกบทสนทนาธรรมทั้งหมดนี้ และจูงใจให้ผู้อ่านกลับไปอ่านทบทวนเรื่องต่างๆในตอนต้นอีกครั้ง
**พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ ณ ที่นี้หมายถึงพระอชิตะในครั้งพุทธกาลและเป็นพระโพธิสัตว์ ที่ประจำยังสวรรค์ชั้นดุสิต)


เชื่อไหม? ผมเคยสนทนาธรรมกับพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์
เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังนี้เป็นปัจจัตตัง ทำเอง รู้เอง เห็นเอง บังคับให้คนเชื่อไม่ได้ 
แล้วแต่ละท่านแต่ละคนนะครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ตามแต่ใจของท่าน

ครั้งแรกที่ผมรู้จัก และได้พูดคุยกับพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ท่านมาหาผม
ท่านบอกว่า ผู้ที่รู้ความจริงว่า 
พระพุทธเจ้าที่แท้เป็นพระเจ้า พระยะโฮวา พระศิวะ อัลเลาะห์อะไรพวกนี้ แม้แต่เง็กเซียนฮ่องเต้  
ก็คือการปรากฏของพระองค์ ที่ชาวพุทธเรียกว่า "พุทธะ" ก็ถึงเวลาของท่านที่ต้องมาเทศน์โปรดแล้ว

พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ ท่านเทศน์เรื่องธรรมะให้ผมฟังเรื่องหนึ่ง แล้วท่านบอกว่า

"เราอ่านจิตเธอออกว่า เธอกำลังสงสัย ไม่เชื่อว่า เราเป็นพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ 
 ตอนดึก.... เธอไปสวดมนต์หรือ ไปทำสมาธิตามเคยของเธอ เราเป็นธาตุเย็น เมื่อเราเทศน์
 ธรรมะให้เธอฟัง กายทิพย์ของเธอจะเบาเย็นสบายไปหมด เธอจะทำสมาธิได้นานมาก  
 ตอนเธอนอนหลับ เราจะไปหาเธอ ให้เธอรู้เห็นชัดๆ"

ปรากฏว่าวันนั้น.... ผมทำสมาธิตามปกติ กายทิพย์หรือวิญญาณของผม รู้สึกเบาเย็นสบายไปหมด
จริงๆ ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต นอกจากนี้ ผมก็ทำสมาธิได้นานเกือบ 3 ชั่วโมง
ปกติไม่เกินชั่วโมง ก็มักจะง่วงหลับไป แม้ว่าบางครั้งยังมีสติอยู่ในฌาน

สักพักหนึ่ง ผมก็รู้เห็นในจิตว่า มีบางสิ่งพุ่งเข้ามาหาผมใกล้มาก สิ่งนั้นพูดกับเราว่า
 "เธอยังไม่หลับหรือนี่"

แม้ผมจะเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว แต่ท่านมากะทันหันแบบนี้ พูดเสียงดังฟังชัดแบบนี้ ผมเลยตกใจ สะดุ้งตื่น 

พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ มาหาผมหลายครั้งมากทีเดียว

อ้อ! พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ ท่านบอกผมในวันหลังว่า

"ที่เรามาหาเธอในคืนนั้น นอกจากจะให้เธอหายสงสัยในเราแล้วว่า เราเป็นพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์จริงๆ 
เราก็จะพาเธอไปเที่ยวในทิพย์วิมานสวรรค์ชั้นดุสิต ที่เธอจะไปอยู่
เมื่อหมดอายุขัย มีเทพบริวาร เทวดานางฟ้าที่เธอเคยช่วยเหลือเขา เตรียมต้อนรับเธออยู่มากมาย  
เราเห็นเธอชอบเที่ยวไปในภูมิเปรตและนรกภูมิ ที่นั่นไม่เหมาะกับเธอสักนิด"

ผมเลยบอกท่านไปว่า:

"ผมเห็นท่านมาหาผมหลายหนแล้ว ตอนผมป่วยอยู่ ก็เห็นท่านมาจับลูบหน้าแข้งผมเบาๆ 
ผมไม่อยากไปเที่ยววิมานของผมกับท่านหรอก ไปแล้ว เดี๋ยวเพลิน ไม่อยากกลับโลกมนุษย์อีก"

พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์โต้ว่า:

"เราพาเธอไป เราย่อมรู้เวลาอยู่แล้ว  ว่าจะให้เธออยู่ได้ ถึงเวลาไหน"

"ก็ผมสนุกเพลิดเพลิน มาเอาผมกลับไปโลก ที่มีแต่เรื่องทุกข์ใจ ผมจะกลับไปทำไมล่ะ  
ผมว่า ไปเที่ยวภูมิเปรตและนรกภูมิดีกว่าเป็นไหนๆ ไปแล้วอยากกลับมาบนโลกอีก
เพื่อนั่งสมาธิบนโลกส่งบุญกุศลไปให้พวกเดือดร้อน เพราะพวกเขาไม่มีผลบุญ และก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้อีกแล้ว"

+++โลกเป็นภพภูมิเพื่อการทำสมาธิ ทำบุญ ทำบาปและส่งผลบุญ  ส่วนปรโลกเป็นที่รับผลบุญผลบาปอย่างเดียว
ใครประมาทไม่ชอบทำบุญทำทานนั่งสมาธิ พอตายแล้ว รู้ว่าสวรรค์นรกมีอยู่จริงๆ ตอนนั้นก็ถือว่าสายไปซะแล้ว+++

ครั้งหนึ่ง  ผมเคยถามพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ว่า  หลวงปู่ดู่  หลวงปู่ทวด  หลวงพ่อโต  
ท่านก็เป็นพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์  ซึ่งต่อไปจะได้เป็นพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า จริงไหม?

พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์อธิบายว่า  ท่านมีหลายจิตวิญญาณ  
พระเหล่านั้นก็เป็นพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ แต่ประจำอยู่ในสวรรค์คนละส่วน 
ท่านบอกผมว่ามีอีกหลวงปู่อีกองค์หนึ่ง นอกจากหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด หลวงพ่อโต
ที่เป็นจิตของท่านที่ส่งมาสร้างบารมี

โชคร้าย...ที่ตอนนั้นผมไม่มีเวลาถามท่านว่า หลวงปู่คนนั้นเป็นใคร อยู่ในยุคสมัยข้างหน้า ไม่ใช่ยุคปัจจุบันใช่ไหม?

<< จบบริบูรณ์ >>

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Copyright © บันทึกสนทนาธรรม พลศักดิ์ถาม เจ้าแม่กวนอิมตอบ | Powered by Blogger